การเลือกซื้อคอมแอร์รถยนต์

ปัญหาแอร์รถยนต์ไม่เย็นนับว่า เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ สำหรับท่านที่อาศัยอยู่ในเขตร้อน อย่างบ้านเรา เพราะด้วยอากาศที่ร้อนเกินคำบรรยาย แล้วอยู่ๆแอร์รถไม่เย็นขึ้นมางานเข้าครับ แอร์รถไม่เย็นมีอยู่หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะน้ำยาแอร์หมด ตู้แอร์ตัน แต่ที่หนักสุดคือคอมแอร์เสีย เราจะมีวิธีไหนในการตัดสินใจ ในการเลือกซื้อคอมแอร์รถยนต์

คอมแอร์รถยนต์จะแบ่งได้ 4 ประเภทแล้วแต่ใครต้องการแบบไหน ราคาก็จะแตกต่างกันออกไป เรามาดูกันว่าคอมแอร์รถยนต์แต่ละประเภทเป็นอย่างไร เผื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ

1. คอมเก่า หมายถึง คอมใช้แล้ว(ทั้งในประเทศและนอกประเทศ) นำมาซ่อมและตรวจเช็คใหม่ โดยเปลี่ยนอะไหล่บางส่วน เช่น ยางโอริง ลูกปืน ฯลฯ และตรวจเช็ค แรงดัน, การรั่วซึมบริเวณต่างๆ ของตัวคอม หลังการตรวจแล้ว ไม่ได้ทำสีให้เหมือนคอมใหม่แต่สภาพพร้อมใช้งาน ปัจจุบันเป็นที่นิยมของช่างแอร์เพราะ มีรับประกันและได้รับการตรวจเช็คแล้ว จึงมีสภาพที่ไม่ต่างจากคอมนอกมากนัก ร้านอะไหล่บางร้านจึงขายเป็นคอมนอก หรือคอม เซียงกงให้แก่ลูกค้า ส่วนด้านราคาคอมเก่า กับคอมนอก อาจไม่แตกต่างกันมากนักแต่คอมเก่าจะได้รับการตรวจเช็คมาแล้วก่อนจึงนำมาขาย ส่วนคอมนอกเป็นคอมที่ไม่มีการตรวจ หรือซ่อมมาเลย สำหรับผู้ใช้รถที่ต้องการเลือกซื้อเองควรเลือกซื้อกับร้านที่มีการรับประกัน และมีอะไหล่พร้อมที่จะซ่อมหรือเปลี่ยนทันทีเมื่อมีปัญหา

2. คอมนอก หรือ คอมเซียงกง หมายถึงคอมนำเข้าจากต่างประเทศที่ติดมากับเครื่องยนต์บ้างหรือมาเป็นเฉพาะคอมแอร์จำนวนมากๆบ้าง ทั้งหมดจะไม่มีการตรวจเช็คในการเลือกจะใช้วิธีหมุนดูกำลังอัดและฟังเสียงเอาเท่านั้น ซึ่งต้องอาศัยความรู้ และประสบการณ์พอสมควรในอดีตส่วนมากคอมประเภทนี้มักมาจากประเทศญี่ปุ่น มีสภาพดี พร้อมใช้งาน มักจะไม่มีปัญหา เพราะเป็นคอมที่ติดกับเครื่องยนต์เข้ามา มีให้เลือกมากมายราคาถูก แต่ในปัจจุบันนี้ คอมนอก หรือ คอมเซียงกง นำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ได้มีจากประเทศญี่ปุ่นประเทศเดียวแล้ว บ้างส่วนนำเข้ามาจาก เกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย และอเมริกัน เป็นต้น ซึ่งคุณภาพของคอมแอร์จะแตกต่างจากของญี่ปุ่นมากพอสมควร ประกอบกับคอมที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นก็มีจำนวนน้อยลง (เพราะมีหลายประเทศไปแย่งซื้อที่ประเทศญี่ปุ่น) และคุณภาพไม่ดีเกือบทุกลูกเหมือนก่อน ต้องใช้ความชำนาญและระยะเวลาในการคัดพอสมควรถึงจะเจอสภาพดีๆและที่สำคัญ คอมแอร์ที่ใช้กับรถยนต์บ้านเราไม่ได้มีของนอกทุกรุ่น เพราะปัจจุบันรถบางรุ่นมีเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีในประเทศญี่ปุ่น หรือประเทศอื่นๆ เช่นTOYOTA VIGO, MIGHT-X, ISUZU D-MAX และอื่นๆ เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อคอมเซียงกงในปัจจุบันมีความเสี่ยงสูงกว่าในอดีตมาก ควรให้ช่างแอร์เป็นผู้เลือกหรือคัดด้วยตนเองเพื่อป้องกันการผิดพลาด หรือเลือกซื้อร้านที่มีการรับประกัน

3. คอมรีบิ้ว หรือ คอมบิ้ว หมายถึง คอมใช้แล้วนำมาซ่อมและตรวจเช็คใหม่ พร้อมทั้งเปลี่ยนอะไหล่ของใหม่ทดแทน ชิ้นส่วนที่มีสึกหรอมาก ทั้ง ลูกปืน, เพลดวาล์ว หรือแม้กระทั้งลูกสูบ ทำสีให้สวยงามเหมือนของใหม่(โดยลูกค้าส่วนมากไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นของบิ้วหรือของใหม่) ขายรับประกัน ประมาณ 3 เดือน ในอดีตมักใช้คอมนอก หรือคอมเซียงกงเพราะราคาถูกและคุณภาพดี ตรวจเช็คไม่มาก ก็สามารถใช้งานได้ดี ในผู้ขายบางรายก็นำคอมเก่าที่ไม่มีการตรวจเช็คมาทำสีให้ดูใหม่แล้วขายเพื่อหวังกำไร จึงทำให้ลูกค้าบางราย เจอกับคอมบิ้วสภาพด้านนอกสวยงามแต่คุณภาพแย่ แต่สำหรับคอมบิ้วทางร้านของเราได้มีการคัดแยกเกรดคุณภาพของคอมที่จะนำมาเป็นคอมบิ้ว และคอมเก่าจึงทำให้มั่นใจได้ว่าคอมบิ้วของเราจะมีคุณภาพในการใช้งานได้ดี ซึ่งในปัจจุบันคอมนอกหรือเซียงกง อาจไม่ได้มีสภาพดีเหมือนในอดีตแล้ว (ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น) ในการทำคอมบิ้วให้มีคุณภาพต้องใช้เทคนิค, เครื่องมือต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ และความชำนาญ ในการตรวจเช็คเพื่อให้ได้คอมที่มีประสิทธิภาพพร้อมใช้งาน สำหรับการเลือกซื้อไม่สามารถดูจากภายนอกได้เพราะส่วนมากมีสีสันที่สวยงาม ต้องดูแรงดัน หรือเลือกซื้อกับร้านที่มีความชำนาญในการซ่อมพร้อมทั้งมีอะไหล่ และมีการรับประกัน

4. คอมใหม่ ในปัจจุบันมีมากมายหลายบริษัท ทั้งคอมใหม่แท้จากโรงงานโดยตรง หรือคอมใหม่เข้าจากต่างประเทศ เช่น จีน, เกาหลี และไต้หวัน เป็นต้น ส่วนคุณภาพก็ต้องยกให้คอมใหม่แท้เป็นที่หนึ่ง ส่วนคอมใหม่นำเข้ามีคุณภาพที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับโรงงานที่ผลิตว่ามีการใช้อะไหล่ที่มีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน ส่วนราคามีความแตกต่างกันพอสมควรขึ้นอยู่กับราคาคอมในแต่ละรุ่น บางรุ่นมีความแตกต่างกันหลายเท่าตัวทีเดียว ส่วนปัจจุบันคอมนำเข้าก็มีการพัฒนาคุณภาพมากพอสมควรเหมือนกับเครื่องใช้ต่างๆ ทั้ง TV จอแบบ , ตู้เย็น แม้กระทั้งคอมพิวเตอร์ ที่พวกเรานิยมใช้ที่สามารถผลิตได้ที่ จีน เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการเลือกซื้อควรเลือกซื้อร้านที่มีการรับประกันเพื่อความอุ่นใจเพราะของใหม่ยังไง อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหมือนรถยนต์ใหม่บ้างรุ่นซื้อมาแล้วมีแต่ปัญหาจนต้องขายทิ้งเลย

Apple ล้มเหลวในการทำตลาด iPhone 12 Pro ให้กับผู้บริโภคทั่วไปนักวิเคราะห์กล่าว

Apple เพิ่งเปิดตัว iPhones รุ่นล่าสุด แต่นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า บริษัท ล้มเหลวในการแก้ไขประเด็นสำคัญ ทำไมผู้บริโภคโดยเฉลี่ยควรจ่ายเงิน 1,000 เหรียญขึ้นไปสำหรับรุ่นท็อปออฟไลน์ ในวงจรโทรศัพท์ที่ผ่านมาเรารู้สึกว่า AAPL สร้างกรณีที่แข็งแกร่งว่าทำไมผู้บริโภคที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจึงควรหันมาสนใจโซลูชันสูงสุด (iPhone X ในปี 2017, iPhone XS ในปี 2018, iPhone 11 Pro ในปี 2019) แต่เราไม่เชื่อ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในปี 2020 นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank กล่าวในบันทึกการวิจัยเมื่อวันพุธ เรากังวลว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นกรณีที่หนักแน่นเพียงพอที่ผู้บริโภคทั่วไปควรหันมาซื้อ iPhone 12 Pro / Pro Max เทียบกับ 12/12 mini

บริษัท เปลี่ยนกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อให้ iPhone 12 ซึ่งเป็นผู้สืบทอดโดยตรงของ iPhone 11 ได้รับแรงกระแทกถึง $ 799 ตามมาด้วย iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ในราคา $ 999 และ $ 1,099 ตามลำดับ แต่ความแตกต่างที่สำคัญเพียงอย่างเดียวระหว่างรุ่นดูเหมือนจะเป็นความสามารถของกล้องและฐานข้อมูลที่ใหญ่กว่า นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank ชี้ให้เห็นว่า บริษัท ล้มเหลวในการแสดงความแตกต่างระหว่างโปรเซสเซอร์ของรุ่นอายุการใช้งานแบตเตอรี่หรือเทคโนโลยีหน้าจอ

รุ่น iPhone 12 และรุ่น iPhone 12 Pro สามารถแยกแยะได้ด้วยเลนส์กล้องเสริมในช่วงหลัง รุ่น Pro มีเลนส์เทเลโฟโต้นอกเหนือจากเลนส์กว้างและเลนส์อัลตร้าไวด์และเซ็นเซอร์กล้องที่ใหญ่กว่าซึ่งให้แสงมากขึ้นเพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ lidar ใหม่ที่ด้านหลังซึ่ง Apple กล่าวว่าจะปรับปรุงคุณสมบัติความเป็นจริงเสริมและภาพถ่ายบุคคลที่มีแสงน้อย

แต่ส่วนใหญ่สำคัญกับช่างภาพที่จริงจังไม่ใช่ผู้บริโภคทั่วไป ปีที่แล้ว iPhone 11 เป็น iPhone ที่ขายดีที่สุดในไตรมาสวันหยุด Tim Cook ซีอีโอของ Apple เคยกล่าวว่า บริษัท ตีราคาถูก กับ iPhone 11 เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ หลังจาก Apple ประกาศโทรศัพท์ UBS กล่าวในงานวิจัยว่าคาดการณ์ว่ามีเพียง 25% ของ iPhone ทั้งหมดที่ขายในปีงบประมาณ 2021 จะเป็นรุ่น Pro ในขณะที่ 38% จะเป็นรุ่นที่มีราคาต่ำกว่าเนื่องจากราคาเริ่มต้น 999 เหรียญ

ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่มีให้สำหรับ iPhone 12 ข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับ iPhone 12 Pro นั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของกล้องเป็นหลัก และกล้องก็ดูสวยงามอย่างแน่นอน แต่กล้องเป็นเพียงตัวเดียวที่แตกต่างระหว่าง iPhone 12 และ iPhone 12 Pro นักวิเคราะห์ของ Raymond James เขียนในวันพุธสั้น ๆ